การสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติในเยอรมนี ไม่เหมือนที่ไทยนะคะ (ที่ไทยเราไม่เคยสอบนะคะ แต่ถามคนเคยสอบมา) การสอบภาคปฏิบัติที่นี่ คือการขับรถบนถนนจริง เจอสถานการณ์จริงๆ ค่ะ สอบจอดบนถนน บนที่จอดรถจริงๆ โดยจะมีผู้คุมสอบนั่งรถไปด้วย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที อาจจะบวกลบห้านาที แล้วแต่สถานการณ์ เช่น อาจจะมีอุบัติเหตุทำให้รถติดนานเกินไป ถ้าไม่สามารถเลี่ยงออกมาได้ อาจจะใช้เวลามากกว่าสี่สิบห้านาที หรือถ้าออกมาแล้ว สภาพอากาศแบบแย่มาก ก็อาจจะต้องยกเลิกการสอบ แล้วเลื่อนไปสอบวันอื่นแทน (อันนี้อาจารย์สอนเราบอกนะคะ ประมาณว่าให้เตรียมใจไว้ เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น แต่โชคดีวันสอบทั้งสามครั้ง ไม่มีอะไรที่ทำให้ต้องเลื่อนสอบเลย)
เราต้องสอบขับถึงสามครั้ง ถึงได้ใบขับขี่มา ถามว่าอายไหม ตอบว่าไม่ (แต่แอบเสียดายเงินอยู่นะ) ที่ไม่อายเพราะมันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรที่ต้องสอบขับหลายครั้ง เราไม่ใช่คนแรก และคิดว่าไม่น่าจะใช่คนสุดท้ายด้วย อาจารย์สอนขับรถบอกมาอย่างนี้นะคะ ถามว่าคนสอบขับครั้งเดียวผ่านเลยมีไหม ตอบว่ามีค่ะ มากด้วย แต่ว่าจำนวนคนสอบครั้งเดียวผ่าน กับต้องสอบสองสามครั้ง มันไม่ได้เหลื่อมล้ำกันมากจนเป็นเรื่องแปลก ถ้าจะสอบไม่ผ่านในครั้งแรก อาจารย์บอกว่า คนที่ต้องสอบสี่ห้าครั้งยังมีเลย เพราะฉะนั้นใครที่สอบไม่ผ่านในครั้งแรก เหมือนกับเรา ไม่ต้องท้อ หรือเสียใจนะคะ เรามีโอกาสแก้ตัวเสมอ
เดี๋ยวจะเล่าเป็นบันทึก ย้อนเหตุการณ์ในการสอบขับทั้งสามครั้งให้ฟังนะคะ ว่าเป็นยังไง และตกเพราะสาเหตุอะไร คือเราสอบขับตกเนี่ย เหตุผลค่อนข้างชัดเจนค่ะ และเราเองก็ต้องยอมรับผิดในส่วนนั้น ถ้าใครตก แล้วไม่รู้ว่าตัวเองพลาดตรงไหน เราสามารถถามคนคุมสอบ หรืออาจารย์สอนขับรถได้ทันทีเลยนะคะ อย่าปล่อยให้ตัวเอเงสงสัย เพราะมันอาจจะเป็นประโยชน์ในการสอบครั้งต่อไปของเราเอง
การสอบขับครั้งแรกของเรา เป็นการสอบที่ไม่น่าจะตก (อันนี้อาจารย์พูดนะคะ เราไม่ได้พูดเอง) คือครั้งแรกที่ตกเนี่ย ความสะเพร่าของตัวเองล้วนๆ เลยค่ะ โทษใครไม่ได้เลย คนคุมสอบไม่โหด ได้สอบในเวลาที่คุ้นเคย เวลาเดียวกับช่วงเวลาเรียนขับ ไปในเส้นทางที่คุ้นเคย แน่นอนว่าก็มีอะไรขลุกขลักบ้าง เพราะเราเองก็ยังไม่ได้คล่อง แต่พอขับได้ และพอที่ลงสอบได้แล้ว
จุดสตาร์ท เริ่มที่ลานจอดรถของร้านแห่งหนึ่ง (เห็นไหมคะ ว่าสถานการณ์จริง เพราะ เป็นลานจอดรถจริง มีคนที่มาซื้อของ เข้าๆ ออกๆ ตลอดเวลา) พอเข้าไปนั่งในรถ คนคุณสอบก็แนะนำตัว และสั่งให้เราออกรถ คนคุมสอบท่าทางใจดี คุยเล่นกับอาจารย์สอนขับรถของเรา ทำให้บรรยายกาศผ่อนคลาย ไม่เครียด เราก็ขับไปตามที่เขาบอก มีรถดับตรงไฟแดงครั้งหนึ่ง แต่ก้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ (อาจารย์เราบอกว่าเรื่องปกติ มันขึ้นอยู่กับว่า ถ้าดับแล้ว เราแก้ปัญหายังไง) ขับขึ้น Autobahn, Landstraße สอบจอด การสอบจอดเนี่ย ก็สอบตามข้างทางจริง ลานจอดรถจริง ตอนฝึกก็จะมีทั้งจอดข้างรถคันเดียว จอดระหว่างรถสองคัน จอดเทียบฟุตบาท เราได้สอบสองท่า คือจอดเทียบฟุตบาท กับจอดระหว่างรถสองคัน ก็ผ่านมาได้ด้วยดี คือไม่ได้ดีมาก ไม่ได้เพอร์เฟ็ค แต่ก็ดีพอที่จะผ่านได้ ขับจนเกือบจะครบเวลา ณ ตอนนั้นเราผ่อนคลายมากแล้ว คิดว่าไม่น่าพลาด แต่ว่า ก็พลาดจนได้ ในเวลาที่เกือบจะหมดการสอบแล้ว อย่างที่เราได้เกริ่นไปแล้ว ว่าเป็นการสอบที่ไม่น่าจะตก แต่ก็นะ เวลายังไม่หมด อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหตุการณ์นั้นคือ เราขับเร็วเกินกำหนด บนถนนเส้นหนึ่ง เจอให้จอดข้างฟุตบาท และสั่งตกตรงนั้นเลย คือตอนนั้นเหวอมาก คนคุมสอบก็พูดดีแหละค่ะ บอกว่าเราสะเพร่า ทำผิด เขาก็คงให้ผ่านไม่ได้ เราเองก็ยอมรับ คือมันเป็นเขตที่ต้องขับ 30 แต่เราขับ 50 ค่ะ ตกเลย อันนี้เราพลาด และสะเพร่าจริง คือเราขับมาจากเส้นที่ขับ 50 ไม่มองป้ายที่บอกว่าต้องขับ 30 มันเหมือนว่าเราขับตามความรู้สึกของตัวเองอะค่ะ ประมาณว่าถนนกว้าง ไม่ใช่เขตที่มีบ้านเรือนหนาแน่น เราเลยไม่ได้คิดว่ามันต้องขับช้าลง แต่มันมีป้ายค่ะ ซึ่งเรามองผ่าน และตรงงนั้นมันเป็นเขตโรงเรียน เลยต้องขับ 30 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการขับเร็วเกินไป ก็ยอมรับเหตุผล ไม่ได้อะไรเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าเสียดาย เพราะสอบขับเกือบจะครบเวลาแล้ว ตอนนั้นเป็นขากลับไปลานจอดรถที่เริ่มต้น อีกไม่กี่นาทีเอง คือถ้าตรงนั้นเราไม่สะเพร่า ผ่านตรงนั้นมาอีกนิด ก็ถึงลานจอดรถ และถ้าเรามาถึงลานจอดรถ จอดเข้าซองเรียบร้อย ก็จะผ่าน แต่มันก็พลาดไปแล้ว ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องยอมรับความจริง รอสอบใหม่ ซึ่งก่อนจะถึงวันนัดสอบใหม่ ก็ลวเรียนขับเพิ่มอีกประมาณ 4-5 ครั้ง และก็ถึงวันนัดครั้งที่สอง
สอบขับครั้งที่สอง ครั้งนี้ตกตั้งแต่สิบนาทีแรก ด้วยปัจจัยหลายอย่างมาก ทั้งตัวเอง ทั้งปัจจัยรอบตัว ครั้งนี้ยอมรับว่า เครียดและเกร็ง คือเสียเงินไปเยอะแล้ว และสอบครั้งแรกนั้น สะเพร่าเกินไป ทำให้ครั้งนี้เกร็งมาก กลัวมองป้ายพลาด ปัจจัยรอบตัวก็เป็นตัวแปรที่สำคัญ สำหรับการสอบตกครั้งนี้เหมือนกัน อันแรก คนคุมสอบ หน้านิ่งมาก ไม่ยิ้ม หลังจากแนะนำตัวเสร็จแล้ว ก็ไม่พูดอะไรมากนัก จ้องเราอย่างเดียวเลย (คนคุมสอบครั้งแรก ก็มองนะ แต่ทำเหมือนกับว่าไม่ได้จ้องมากนัก คุยเล่นเรื่องทั่วไปกับอาจารย์เรา ชวนเราคุยผ่อนคลายด้วย) ทำให้บรรยากาศมันตึงเครียดไปอีก ปัจจัยต่อมา ได้สอบขับในเวลาที่ไม่คุ้นเคย คือเราฝึกช่วงสายๆ ประมาณ 10-11 โมงตลอด แล้วเราอยู่เมืองเล็กๆ ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีรถ มีคนเท่าไหร่ สบายๆ ไม่เคยเจอคนข้ามางม้าลาย บางทีขับจนครบชั่วโมง เจอรถสวนแค่สองสามคัน คือเป็นเวลาที่ขับค่อนข้างสบาย แต่ในการสอบครั้งนี้ เราได้สอบช่วงเจ็ดโมง แถมยังเป็นหน้าหนาว คือมืดมาก ทำให้เราเกร็งเข้าไปอีก โดยส่วนตัวแล้ว เราไม่ค่อยชอบความมืดด้วย แถมช่งนี้ เป็นช่วงรถเยอะ เป็นช่วงคนออกจากบ้านไปทำงาน ส่งลูกไปโรงเรียน คือเราเกร็งและเครียดจริงๆ รถดับหลายรอบมาก จนมาถึงจุดพีค รถดับในวงเวียน และเราสติแตกไปแล้ว เพราะรถต่อท้ายเยอะมาก รถคันอื่นในวงเวียนก็ออกไม่ได้ เพราะเราขวางอยู่ เราสตาร์ทรถไม่ติด พอติดก็เข้าเกียร์ไม่ถูก จนคนคุมสอบบอกให้อาจารย์เราเป็นคนสตาร์ท แล้วเอารถออกจากวงเวียน เราแค่ประคองพวงมาลัย ออกมา จอดข้างทางในส่วนที่จอดได้ และแจ้งว่าเราสอบตกแล้ว คือเราก็รู้แล้วล่ะว่าเราตก เพราะถ้าอาจารย์มีส่วนร่วมในการบังคับรถ นั่นคือตกแล้ว
พอตกครั้งที่สอง เรามาคิดแล้วค่ะว่า จะยังไง สอบอีกครั้งไหม หรือพอแค่นี้ คุยกันกับสามี ได้ข้อสรุปว่า เราจะสอบอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้ตก เราจะไม่เอาแล้วใบขับขี่ เสียเงินไปเยอะแล้วก็จริง แต่เราก็เครียดมากจริงๆ สามีเองก็ไม่ชอบ เพราะปกติเราเป็นคนที่เครียดกับอะไรง่ายๆ ถ้าเครียดนี่คือ ที่สุดแล้วจริงๆ ถึงจะเสียเงินไปเยอะแล้วก้จริง แต่มันก็ไม่ได้สำควัญไปกว่าสุขภาพ และจิตใจของเรา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคิดอย่างนี้ เลยอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราผ่านในการสอบครั้งที่สาม เพราะไม่เครียดเลย
สอบขับครั้งที่สาม อย่างที่บอกไปแล้วว่า ไม่เครียดละ คือผ่านก็ผ่าน ไม่ผ่านก็พอ จบ แค่นั้น ตอนสอบก็ไม่ได้หวังว่าจะผ่าน และไม่ได้กลัวว่าจะตก คือไปสอบแบบว่างเปล่าจริงๆ รอบนี้ได้สอบช่วงสายๆ ช่วงฝึก สบายไปละหนึ่งอย่าง รถไม่เยอะ คนคุมสอบก็ฮามาก คุยกับอาจารย์สอนขับรถเรา จนเราเผลอหัวเราไปด้วยหลายครั้ง สอบรอบนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านไป ผ่านทั้งถนนช้า ถนนเร็ว แต่ได้สอบจอดแค่ครั้งเดียว เทียบฟุตบาท (ได้จอดข้างรถในลานจอดรถอีกครั้งหนึ่ง ตอนที่สิ้นสุดการสอบ) ที่มีเพิ่มเติม คือการสอบเบรคกระทันหัน เป็นการสอบอย่างสุดท้าย ช่วงก่อนจะหมดเวลา คือเขาจะพาไปถนนที่ไม่มีรถ คือไม่ใช่ถนนสัญจร ตอนเราไป เป็นถนนที่จะเข้าไปโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่ใช่ช่วงเข้างาน เลิกงาน ถนนจะว่าง จอดรถก่อน ทำตามที่ฝึก คือขับไปข้างหน้า เร่งเครื่องให้ถึงสามสิบ คนคุมสอบก็จะบอกให้หยุด เราต้องหยุดทันที รถต้องไม่เคลื่อนไปข้างหน้าก่อน คือเหยียบเบรค กับคลัทซ์พร้อมกัน แบบแรงมาก รถต้องหยุดกึกเลย แน่นอนว่าคนนั่งไปด้วยจะหัวขมำ หรือของบนเบาะรถหล่นลงพื้น เราก็ทำตรงนี้ได้ รถหยุดทันที ไม่มีเคลื่อนไปต่อ พอสอบตรงนี้เสร็จ ก็กลับไปที่ลานจอดรถที่เริ่ม ละต้องจดอรถเข้าซอง โดยที่คนคุมสอบจะบอกว่า ให้จอดข้างรถคันำหน ก็ไปตามที่บอก จอดเข้าซอง ไม่คร่อมที่จอดข้างๆ ระยะห่างระหว่างรถีกคันโอเค สิ้นสุดการสอบ แจ้งว่าผ่าน แล้วคนคุมสอบก็เซ็นต์ชื่อลงในเอกสารที่เตรียมมา แจ้งว่าเราสอบผ่าน และเราต้องไปรับใบขับขี่เองที่หน่วยงานขนส่งอีกครั้ง
เป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการทำใบขับขี่ สำหรับเราเป็นอะไรที่ยาวนาน และเครียดมาก
พูดเว่อร์เนอะ – สำหรับคนขับรถเป็น ขับรถเก่งอยู่แล้ว อาจจะคิดแบบนั้น แต่สำหรับเรา บอกเลยว่า เรียนในมหาวิทยาลัยในเยอรมนี เป็นภาษาเยอรมัน ง่ายกว่าทำใบขับขี่ค่ะ เพราะฉะนั้นใบขับขี่ใบนี้เลยมีความหมายกับเรามากค่ะ สำหรับเรา มันเป็นเครื่องหมายสำหรับความพยายามค่ะ มันเหนื่อยจริงๆ กว่าจะได้มา ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำใบขับขี่ หรือคิดจะทำนะคะ ขอให้ได้ใบขับขี่อย่างที่ตั้งใจค่ะ
February 13, 2017 at 7:14 pm
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้มาอ่านนะคะ
เพราะค้นหาเรื่องใบขับขี่ใน google เลยมาเจอ พรุ่งนี้ดิฉันกำลังจะสอบขับครั้งที่ 3 ค่ะ ตอนนี้เครียดมาก ๆ เลย พิมพ์ไปน้ำตาก็ไหล สอบตกมา 2 ครั้งแล้วค่ะ หตุการ์ณคล้าย ๆ กันเลย ครั้งที่ 1 เหลืออีกสิบนาทีตอนจะขับกลับจุดเริ่มต้น มาถึงโซน 30 กฏ คือ ขวาไปก่อน ทางนี้ตรงเป็นสี่แยก ขับผ่านบ่อยมาก แต่วันสอบมีรถมาทุกมุม ตอนนั้นลืมกฏหมดเลย มันประหม่า พอเห็นแต่ละคันชะลอ เราก็ออกตัวไปก่อนเลย ทั้งที่ความจริงขวามือต้องไปก่อน แต่ลืมเสียได้ ตกค่ะ!!
ครั้งที่ 2 เครียดมาก กดดัน ขับมาได้แค่ 15 นาที คนคุมสอบบอกเลี้ยวซ้าย แต่เราดันขับไปชิดขวาแทน ทั้งที่ตรงนี้ไม่มีรถสวน พอจะเลี้ยวเกือบชนรถอีกคันที่จะเลี้ยวซ้าย ครูเลยต้องเบรก ตกค่ะ!!!
เครียดมากเลยค่ะ เรียนขับมาก็ตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว จนตอนนี้ก็ไม่จบสักที ขับยังพลาดเหมือนเดิม ค่าเรียนค่าสอบ 3600€ เข้าไปแล้วค่ะ ท้อใจมากสงสารสามีด้วย
February 13, 2017 at 9:07 pm
สู้ๆ นะคะ เข้าใจเลยค่ะ ว่าเป็นยังไง หัวอกเดียวกันเลย
พอครั้งแรกตก ครั้งที่สองเลยเครียดจัด ทำอะไรไม่ถูกเลย
เราเองตอนนั้นก็เครียดค่ะ คือเครียดจริงจังมาก สงสารสามีเหมือนกัน ไม่เคยเครียดอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
เรานี่ไม่กล้ารวมเงินเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าหมดไปเท่าไหร่ แต่เกินสามพันแน่ๆ
พอบทจะผ่าน ก็ผ่านซะงั้น ครั้งที่สามนี่เราไม่คิดอะไรเลยจริงๆ ค่ะ
เพราะตั้งใจไว้ว่า ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เอาแล้ว คือเราเครียด จนสามีก็เครียดตาม
เลยคุยกันว่า เงินทองของนอกกาย เอาสุขภาพจิตเราไว้ดีกว่า ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ผ่าน ไม่เอาแล้ว
สรุปผ่านเฉยเลย เหมือนทุกอย่างเป็นใจซะงั้น คนคุมสอบก็ใจดี คุยเก่ง ไม่เจออุปสรรคเท่าไหร่ ถนนก็โล่งผิดปกติ
ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ ขอให้ไม่มีอุปสรรคอะไร ขอให้ได้ใบขับขี่มาครอบครอง
มีอะไรก็มาบ่นๆ ทิ้งไว้ได้นะคะ ถ้าไม่สะดวกทางคอมเมนต์ ก็อีเมล์มาได้เลยตลอดนะคะ
โชคดีค่ะ
February 13, 2017 at 9:54 pm
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ที่เข้าใจและรับฟัง
เรื่องเรียนเราสอบทฤษฏีผ่านรอบเดียว แต่สอบเป็นอังกฤษ เอาจริง ๆ ก็จำ ๆ คำตอบไปด้วยค่ะ ใช้หลักจำมากกว่าเข้าใจ พอมาขับจริง ๆ เป็นปัญหา เพราะครูบอกเธอไม่เข้าใจเลย สอบผ่านมาได้ยังไง เวลาเรียนขับครูก็คอยดุ ไม่ได้บอกสอนอธิบายอะไรมาก
มาสอบตกนี่แหละค่ะ ครูเลยอธิบายขึ้นบ้าง
ครูบอกว่าตอนเรียนขับเราทำได้ แต่ตอนสอบมาตกช่วงไม่น่าตก ครูเองก็หัวเสีย เราเองก็ใจเสีย พรุ่งนี้ถ้าตกอีกก็ไม่รู้จะมองหน้าครูยังไง ดูออกเลยค่ะว่าครูเบื่อหน่ายเราเต็มทน 55555
สามีเราเองก็บ่นนิดหน่อย แต่ไม่ให้ล้มเลิกค่ะ เพราะที่บ้านห่างไกลเมืองและพวกร้านซุปเปอร์ฯ ถ้าขับรถไม่ได้จะลำบากมาก เราเองไม่เคยขับมาก่อน ภาษาก็ไม่ได้ ครูไม่พูดอังกฤษอีก เรารู้สึกท้อแท้มากเลยค่ะ ความรู้สึกที่สอบตกครั้งที่ผ่าน ๆ มา มันยังลืมไม่ลงเลย ผิดหวัง เสียใจมันจุกค่ะ จริง ๆ
เครียดเนอะ มัวแต่บ่น ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะที่สอบผ่าน หมดเงินมากแต่ผ่านได้สักทีก็โล่งและภูมิใจใช่ไหมคะ ต้องใช่แหละ เพราะขับรถที่นี่ยากจริง ๆ ไหนกฏ ไหนพวงมาลัย ไม่มีเหมือนที่ไทยเลย เรานะเล่าให้คนที่ไทยฟัง ระบายไปก็ไม่มีใครเข้าใจ เพราะคิดว่าง่าย ไม่น่ายาก ไม่น่าเครียด แต่คนไม่เคยขับเลย มาขับที่เยอรมนีเลย อะไร ๆ ก็ใหม่หมด ที่สอบไม่ผ่านจริง ๆ แหละเนอะอย่างที่คุณว่า ๆ ไม่อายหรอก เราก็ไม่มีความรู้สึกอายเลย มีแต่เจ็บใจที่ทำไม่ได้ เสียใจ รู้สึกแย่
เราหวังจังเลยว่าพรุ่งนี้จะมีโชคดีบ้าง สิ้นเดือนเรากลับไทย ถ้าไม่ผ่านครั้งนี้ก็ต้องเว้นช่วงนานอีก กลับไทยก็คงสุขไม่สุดแน่ ๆ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ หลับฝันดีค่ะ
ผลเป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
February 14, 2017 at 2:45 pm
สอบตก
February 14, 2017 at 4:30 pm
เสียใจด้วยนะคะ เอาใจช่วยทั้งวันเลยค่ะ
ยังไงก็พักผ่อนก่อนนะคะ นอนแช่น้ำอุ่นๆ ฟังเพลงเพลินๆ
ลองเปลี่ยนโรงเรียนดูไหมคะ เผื่อว่าจะเจอครูที่เข้าใจเรามากกว่า หรือยังไง
ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ ขอให้ครั้งต่อไปผ่านนะคะ
ถ้าอยากจะระบาย พร้อมรับฟังตลอดนะคะ ไม่อยากออกสื่อ เมล์มาก็ได้ค่ะ
เราเข้าใจนะคะ ตอนเราสอบก็ไม่ค่อยมีคนเข้าใจเราเหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมรับขับไม่ได้ ทำไมต้องสอบหลายครั้ง
คือคนทำไม่ได้ มันก็ไม่ได้อะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน
สู้ๆ นะคะ ถ้ายังอยากได้อยู่ ก็อย่าเพิ่งถอยนะคะ พักสักหน่อย แล้วค่อยต่อ
May 29, 2017 at 7:37 pm
สวัสดีค่ะ มาอีกแล้ว
ขอโทษนะคะหายไปนานเลย พอดีว่าหลังจากสอบตกรอบที่ 3 ก็กลับไทยค่ะ
ไปพักกายพักใจและตะเวนทำบุญด้วย กลับมาเยอรมนีตอนวันที่ 25.4 นี่เองค่ะ
พอกลับมานัดครูสอนขับรถก็ได้มาเรียนขับอีก เพราะแฟนก็ไม่อยากให้ล้มเลิก ตัวเองก็ใจนึงอยากหยุด ใจนึงไม่อยาก แต่สุดท้ายก็ตั้งใจว่ารอบที่ 4 นี้ถ้าไม่ผ่านอีกก็จบ พอแล้วกับเรื่องใบขับขี่ คราวนี้ครูสอนก็บอกเองว่ามีเวลาให้ไม่มากแล้ว เพราะมีนักเรียนใหม่มาอีกเยอะ ครูน้อยกว่านักเรียน จุกมากค่ะ ครูสอนขับรถก็มาให้ขับอีก 3 หน คือวันที่ 12.5 26.5 27.5 และนัดวันสอบไปและได้วันสอบคือวันนี้ 29.5 เวลา 10 โมงเช้า เครียดมากอย่างเดิมค่ะ ทุกข์ใจ วิตกกังวลทุกอย่าง เรียนขับมาก็ไม่ได้ดีขึ้นยิ่งเหมือนคนเริ่มขับ อะไรที่สอน ๆ มาก็ลืม จนครูโมโหและหงุดหงิดกับเราพอสมควร
และวันนี้ไปสอบค่ะ นัดสอบ 10.00 แต่จริง ๆ ได้สอบหลังจากเวลานี้เกือบยี่สิบนาทีเพราะคนคุมสอบไปคุมสอบคนขับรถมอเตอร์ไซค์อยู่ค่ะ พอคนคุมสอบมาก็แนะนำตัว บอกกติกา แต่ไม่ได้ถามอะไรเรื่องภายในรถแล้ว คนคุมสอบรอบนี้เป็นคนใหม่ค่ะ อายุน่าจะ 50 up ใส่แว่นด้วย ดูท่าทางใจดีแต่ไม่เลย ไม่คุยเล่น ไม่เป็นมิตรเลยค่ะ
พอนั่งบนรถก็สั่งให้ขับไปตามที่บอก เราก็ขับไปใจก็ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัว วิตก คือแบบว่ามันรู้สึกแย่มากกลัวไม่ผ่านอีก เกร็งกังวล ขับไปเรื่อย ๆ เจอทุกอย่างเลยโซน 30 รถมาทางขวา ทางซ้าย วิตกจนมือไปโดนตัวปัดน้ำฝน ทีนี้คนคุมสอบให้ปิด แต่เราดันปิดข้างหน้าไปเปิดข้างหลัง ปิดข้างหลังดันเปิดน้ำฉีด คือขับไปทำไปไม่ได้ปกติสักที มันรนมาก ๆ คนคุมสอบเลยให้จอดรถข้างทางค่ะ และบอกให้ทำใหม่ แต่เราก็ยังทำไม่ได้คือพอเข้าใจไหมคะว่าแบบมันยังไงดีหวาดหวั่น วิตก ลืมไปหมด จนคนคุมสอบบอกให้ครูปิดให้ ทีนี้ครูเลยปิดให้และพูดไรไม่รู้เหมือนโมโหเรา ตอนนั้นแบบใจไปอยู่ตาตุ่มคิดว่าสอบตกแล้ว แต่คนคุมสอบบอกให้ขับต่อไป เฮ้อ โล่งอีกขึ้นมานิดๆ
พอขับต่อไปให้ทำทั้งถอยจอดเทียบฟุตบาทระหว่างรถคันอื่น เสร็จแล้วก็ไปกลับรถในโซนมีบ้านคนอีก ใจก็พะวงจะหาช่องไหนแต่ก็ผ่านไปได้ เสร็จแล้วไปขึ้นถนนใหญ่ ไปวงเวียน ไปหมู่บ้าน ไปอุโมงค์ คือทำจนเรารู้สึกว่าโดนกลั่นแกล้งค่ะ เพราะตอนสอบที่ผ่านมา 3 รอบ ถ้านับ 2 รอบที่สอบใกล้จะจบก่อนแค่นิดเดียวถึงตก ตอนนั้นไม่ยากแบบนี้ แต่ก็ขับไปเรื่อย ๆ ค่ะ มีคนเดินข้ามถนนตรงทางเลี้ยว โชคดีว่าตอนตกรอบก่อนมีจุดนี้ที่ก่อนจะหาที่จอดเพื่อบอกว่าตกไม่ต้องขับต่อ ตอนนั้นเราเจอเหตุการณ์นี้และขับไปแต่ครูเบรกสุดแรงและตะคอกว่าคนไม่เห็นเหรอ เราเลยจำ
เอาจริงๆ ที่เรียนและสอบมาไม่ค่อยเจอเหตุการณ์ที่น่าตกใจเท่าไหร่เลยค่ะ แต่วันนี้มีหมดเหมือนกับจะพิสูจน์เราว่าควรได้ไหมใบขับขี่เนี้ย จนสุดท้ายขับกลับมาที่จุดเริ่มต้น ในช่วงนี้เราท่องเราบอกตัวเองตลอดเลยว่าอย่าคิดว่าจะผ่าน เพราะที่ผ่าน ๆ มาพวกใกล้จะจบนี่แหละ พลาดทุกที จนกระทั่งถึงจุดเริ่มต้น คนคุมสอบให้จอดเทียบ เราก็จอดเทียบฟุตบาทแต่รู้สึกยังไม่ดีเท่าไหร่ เราก็พยายาม คนคุมสอบก็บอกว่าพอ แต่เราไม่ได้ยิน ได้ยินว่าไรไม่รู้แต่คิดว่าน่าจะไม่ดี น้ำตาก็ค่อย ๆ ไหล ครูเลยบอกว่า Stop ภาษาอังกฤษให้ปิดเครื่อง พอเราปิดเครื่อง ถอดกุญแจ ทีนี้ครูก็บอกว่ายินดีด้วย ในที่สุดเธอก็สอบผ่าน เรานี่ร้องไห้โฮเลยค่ะ ดีใจ จุก แน่น กอดทั้งครูและคนคุมสอบ ร้องแบบน้ำตาไหลพราก ๆ
เราคิดว่าคุณคงเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกเราได้อย่างดีเลยค่ะ
เย้ เย้ ขอบคุณมากนะคะที่ให้กำลังใจและคำแนะนำ และเข้าใจความรู้สึกเราในวันที่เรามาระบายที่นี่ ขอบคุณค่ะ
May 30, 2017 at 9:35 am
ดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ เราเข้าใจความรู้สึกจริงๆ นะคะ
คือคนที่ขับเป็น ขับได้ เขาก็ไม่เข้าใจว่ามันยากตรงไหน ทำไมต้องสอบตั้งหลายครั้ง
แต่สำหรับเรามันยากจริงๆ ค่ะ
มีอะไรระบายอีก ก็ยินดีรับฟังนะคะ เมล์มาก็ได้ค่ะ
ยินดีด้วยจริงๆ นะคะ
August 4, 2017 at 12:39 am
สวัสดีค่ะ เราก็ขอแชร์เรื่องของเราบ้างนะคะ
เราอยู่เยอรมันมา 8 ปีแล้ว อยู่ใจกลางโคโลญจน์ ซึ่งการจราจรก็วุ่นวายมาก เราเพิ่งสอบผ่านเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่สอบครั้งที่ 2 ถึงผ่าน ครั้งแรกไม่ผ่านเนื่องด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง
ก่อนสอบ 2 อาทิตย์มีการเปลี่ยนจากรถ VW Golf เป็น VW Tiguan แม่เจ้าจะสอบอยู่แล้วดันมาเปลี่ยนรถเป็นคันมหึมา เห็นแล้วน้ำตาจิไหล
สอบครั้งแรก ครูนัด 7 โมงเช้าที่โรงเรียนขับรถ (ปกติเรียนตั้งแต่ 10:30 เป็นต้นไป) แต่เรามีลูกเล็ก 2 คน คืนทั้งคืนนอนไม่หลับ กังวลหลายๆอย่างนอกจากเรื่องสอบแล้ว ลูกก็ร้องไห้กลางดึกตอนตี 3 กว่าๆ เพราะปวดฉี่ เรากังวลว่าจะตื่นทันเอาลูกไปฝากเค้ามั้บ คือเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เตรียมของให้คนโตไป รร อนุบาล ส่วนคนเล็ก 2 ขวบจะเอาไปฝากบ้านพี่คนรู้จัก เกิดเค้าไม่ตื่นจะทำไงรบกวนเค้ามากเกินไปมั้ย บลาๆ คิดทั้งคืน แทบไม่ได้นอน พอตื่นจริงสงสารลูกๆมากคือต้องตื่นเช้าตามแม่ เสร็จแล้วรีบกระเตงคนเล็กไปฝากเค้าช่วยเลี้ยง เสร็จแล้วรีบวิ่งไปโรงเรียนถึง 06:50 เห็นครูยืนสูบบุหรี่รอแล้ว บอกตามตรงว่าง่วงมากถึงมากที่สุด เริ่มสอบตอนใกล้ๆ 8 โมง คนคุมสอบใจดี เริ่มด้วยการขับเข้าซอยหมู่บ้านโซน 30 ถอยจอดด้านข้าง และจอดด้านหน้า กลับรถทุกอย่างเหมือนจะโอเค พอติดสี่แยกไฟแดงเตรียมเลี้ยวขวา เราก็ไหลรถไปจนจะเลยเส้นแบ่งกลางไม่ระวังรถที่มาข้างหน้าจากโค้งด้วยความเร็วเดี๋ยวไม่ทันไฟเขียว(ช่วงเวลาทำงาน) จนครูเหยียบเบรค รู้ทันทีงานเข้าล่ะ ฮือๆ ตกสิคร้าบ รออะไร ครูเหยีบเบรคช่วยแบบนี้คือตกสถานเดียว มันไม่ใช่วันและเวลาขอเราเลย เราเลยบอกกับครูว่ารอบหน้าเราไม่เอาเช้าแบบนี้นะมันเร่งรีบมากก่อนสอบกับทั้งเด็กเล็กสองคน คือเราว่ามันไม่มีจังหวะให้ได้ทำจิตนิ่งเลย
สอบครั้งที่ 2
โชคดีมากได้คนคุมสอบคนเดิม คนคุมบอกว่ารอบที่แล้วไปเส้นไหน ทำไมถึงตก งั้นก็ไปเส้นเดิมแล้วกันเนอะ แต่ๆว่าพอเอาเข้าจริงรถ Tiguan ของเราจอดริมถนนต่อจากรถอีกคัน เราถอยหลังเตรียมออกแต่มีรถบัสมาเบียดอีก 1 ซม. จะถึงกระจกข้างแล้ว ทำไงดีๆ อีสัญญาณมันก็ดังปี๊บบบบบบ…. ยาวมาก คือเราก็ไม่กล้าออกตัวเร็วเพราะรถบัสเค้าไม่หยุดเค้าขับแบบไหลๆ ซึ่งเค้าควรให้เราไปก่อน พอมาเบียดเราก็ไปไม่ได้อยู่ดี เพราะมันติดเกาะกลางถนน เริ่มสอบยังไม่ถึง 1 นาทีก็มีให้ลุ้นแล้ว เราก็มองหน้าคนคุมบอกจะขับขึ้นฟุตบาทนี่เค้าจะเฉี่ยวรถเราแล้วนะ คนคุมก็บอกให้ครูเอ้าช่วยๆหน่อย เรา 3 คนช่วยกันระดมพลัง ถอยและเดินหน้าปรับแต่งให้เบียดฟุตบาทเต็มที่ ส่วนคนคุมสอบและครูก็สบถด่าคนขับรถบัส จากนั้นก็กลับสู่สภาพสอบจริง เลี้ยวเข้าซอยโซน 30 ถอยจอด กลับรถออกมาสี่แยกเดิมที่สอบตกไป คนคุมสอบถามจำแยกนี้ได้มั้ย T_T ขับไปเรื่อยๆ ผ่านงานก่อสร้าง ผ่านสี่แยกใหญ่ ขึ้นเอาโต้บาห์น ลงจากเอาโต้บาห์นแล้วคนคุมบอกให้ไปทางที่ต้องเข้าเลนส์ในสุด รถคันหลังพุ่งมาอย่างเร็วจี้มากเหมือนไม่ให้ทาง ขนาดเราตีไฟเลี้ยวเข้าขวานานแล้ว พอเค้าเบรคนิดนึงเราปาดเข้าทันที ป้ายให้ไม่เกิน 60 เราปาไป 65 ถ้าช้ากว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ T_T ถ้าไม่ได้จังหวะนี้มันจะไม่มีโอกาสได้เข้าเลย พอได้ก็ขับวนๆยาวๆ ไปในโซน 50 และ 70 แล้วมาจอดที่เดิม คนคุมถามว่าไหนลองยิ้มหน่อยสิ ยิ้มได้นะ เราก็นึกเออยิ้มให้แต่เพิ่งมานึกทีหลัง อ๋อสงสัยผ่านแล้ว ก็มีคำถามนิดหน่อยแล้วก็ถามความลึกของดอกยางรถยนต์ รถไถ แล้วเครื่องบินล่ะ 555 นี่ตอนสอบเราเครียดขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย แล้วก็ถามการตั้งป้ายสมเหลี่ยมเวลารถเสียบนเอาโต้บาห์นต้องห่างจากรถกี่เมตร แล้ว Land Strasse ล่ะ แล้วสามารถจอดห่างจากสี่แยกได้กี่เมตร แล้วแยก Andreas ล่ะกี่เมตร แล้วก็บอกกับเราอีกว่ายินดีด้วยนะ แต่ยังขับไม่ได้ต้องไปเอาที่อัมท์ เป็นอันเสร็จพิธี
แต่ต้องขอบอกก่อนว่าเรามีใบขับขี่มาจากไทยแต่ไม่มีการขับจริงๆ แค่สอบเอาใบเฉยๆ เค้าใจดีให้ Umschreibung ขนาดมีแค่ก็อปปี้ใบแรกและอยู่เยอรมันมี 7 ปีเพิ่งจะมาทำใบขับขี่
ส่วนเรื่องเรียนนั้นครูก็ไม่ค่อยใจดีเท่าไหร่ ชอบตะคอก(สงสัยแกตกใจ) มีแบบตะคอก verdammt nochmal! ตอนเราพุ่งจอดแล้วเบรคเอี๊ยด จอดในช่องจอดข้างทาง หน้าร้านอาหาร แต่เราก็ขอโทษ ถามครูว่ากลัวเหรอ ครูก็บอกล้อมันจะพัง ในใจเราก็ว่าไม่ชนหรอก แต่แบบอายมาก คนยืนอยู่เต็มเลย แถมด้านครูเปิดกระจก แต่เราก็ไม่ถือ เวลาแกด่าเราก็เฉยๆ บางทีแกถามทำไมๆ เราก็บอกแค่ว่ามันก็คือการฝึกขับรถที่อยู่ภายใต้ความกดดันก็เป็นแบบนี้แหละ มาขับกับครูที่เก่งๆเนี่ยคล้ายๆกับเป็นคนที่ unfähigste an der welt เลยเนอะ แกก็เงียบ เพราะเคยเห็นแกชอบด่าตาถลึงใส่พวกเด็กนักเรียนตุรกีที่ชอบพูดจากวนแบบเถียง ไม่น่าจะเวิร์ค ต้องตอบแบบนี้แหละจะได้เงียบ มีชอบโทรศัพท์เรื่องส่วนตัวบ่อยมากระหว่างเรียน แล้วขณะเรียนมีสูบบุหรี่ด้วยในรถไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่มันก็ผ่านมาแล้วแหละ เรียนกับครูคนนี้ (อายุน่าจะ 60 กว่าแล้ว) นอกจากได้ใบขับขี่ยังได้คำศัพท์เพิ่มเติมด้วย 555
August 5, 2017 at 3:02 pm
ขอบคุณนะคะ ที่แชร์ประสบการณ์ บอกตรงๆ ว่าเหนื่อยมากทั้งตอนเรียน ตอนสอบ(ซึ่งกว่าจะสอบผ่านอีก)
ขนาดเราไม่มีลูก ไม่มีภาระอะไรเยอะนะคะ คุณคงเหนื่อยกว่าหลายเท่า แต่ยังไงเราก็ได้มาแล้วเนอะ
คนที่ขับเป็น ผ่านเร็วเนี่ย เขาไม่ค่อยเข้าใจเรานะคะ ยกตัวอย่างเพื่อนเราเองนี่แหละ
ตอนที่ไม่ผ่านก็บ่นๆ กับเพท่อนนี่แหละค่ะ เพื่อนถามว่า ทำไมไม่ผ่านอะ แค่ขับรถเอง
คือเราก็ไม่รู้จะว่ายังไง ไม่ได้ก้คือไม่ได้ ทุกวันนี้เราก็ยังขับไม่คล่องนะคะ ไม่อยากจับรถเท่าไหร่ แต่ตอนทำ สามีอยากให้ทำไว้เผื่อฉุกเฉินจริงๆ
ปล. คุณใจแข็งมากเลยอะค่ะ ที่เรียนกับครูแบบนี้ได้ คือเอาจริงๆ นะ เราคงเปลี่ยนครูตั้งแต่เขาตะคอกครั้งแรกแล้วล่ะ
แล้วยังมีสูบบุหรี่ในรถอีก เราคงไม่ไหวอะ แล้วมาเปลี่ยนรถอีก คุณอดทนมากจริงๆ ค่ะ ยกนิ้วให้เลย
December 22, 2018 at 8:52 pm
เข้ามาอ่านประสบการณ์การทำใบขับขี่ในเยอรมนีแล้วเข้าใจหัวอกคนที่สอบไม่ผ่านเลยจริงจริง มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย แต่มันเป็นอะไรที่ยากจริงจริง แล้วเครียดมากด้วย ตอนนี้เรากำลังเรียนขับอยุ่ จังไม่ได้สอบ ขับ แต่ได้สอบข้อเขียนไปแล้ว ข้อเขียนเราไม่ผิดเลยสักข้อ ไม่ได้เข้าใจภาษาเยอรมันเลย เราใช้วิธีท่องจำเอา เลยสอบครั้งเดียวผ่าน .แต่เรียนขับนี่เราแย่มากเจอครูที่เป็นเจ้าของโรงเรียนเองแล้วนักเรียนเยอะมากกไม่มีเวลาสอนเรา ไห้เรารอเรียนขับ สองอาทิตย์ถึงได้ขับครั้งหนึ่ง สี่เดือนเข้าไปแล้ว เราขับไปสิบครั้ง ครั้งละ เก้าสิบนาที ยังไม่ไปถึงไหนเลย เราโทรไปหา เขียนข้อความก้อไม่ตอบกลับว่าจะได้เรียนขับเมื่อไหร่อีก ขับรถต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ พอเราขึ้นนั่งหลังพวงมาลัยที่เรียนมาก้อลืมหมด เราก้อได้แต่พูดว่า เราไม่ได้เรียนติดต่อทำให้ไม่ได้ดั่งที่ตั้งใจไว้ คราวนี้มันก็ไม่อยากสอนอะไรเราเลย ไห้เราขับเองดูเอง ไม่ได้ดั่งใจเพราะเรายังไม่อยู่ในเลนส์ ขับช้าไปบ้าง ขับเร็วไปบ้าง ไม่หยุดรถหรือชะลอขวาก่อนช้าย
ครูนั่งแต่เล่นมือถือ จะหันมาพูดก้อตอนด่าอย่างเดียว ยิ่งด่าเราก้อยิ่งแย่ขับไม่ถูกทางเลย เราไม่เคยเจอคนตะคอกใส่ขนาดนี้ก้อยิ่งสั่น มันกดดันไปหมด ที่นี่ทุกอย่างต้องอยู่ในกฎไปหมด เจอครูแบบนี้เราก้อหมดกำลังใจ เสียเงินไปเยอะแล้วจะถอยก้อไม่ได้ ต้องไปข้างหน้าอย่างเดียว บอกตรงตรงท้อมากค่ะ เข้ามาอ่านคนที่มีประสบการณ์ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ ยังไงจะพยายามให้ได้คะ และขอเป็นกำลังให้คนที่กำลังเรียนอยู่นะค่ะ และคนที่สอบผ่านมาได้เก่งมากคะ
December 24, 2018 at 3:48 pm
เป็นกำลังใจให้นะคะ เราเข้าใจค่ะ เหนื่อยๆ ก็มาบ่นๆ ทิ้งไว้ได้นะคะ
การเรียนขับรถสำหรับเราคือ สิ่งที่เครียดที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ เล่าให้คนใกล้ตัวฟังก็ไม่มีใครเข้าใจ เพราะบ้านเราเขาขับรถเป้นกันหมด หัดกันแป๊บเดียว
แต่เราคือไม่ได้ไงคะ ด้วยพื้นฐานเป็นคนไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วย เลยยิ่งเหนื่อย ตอนนี้ได้ใบขับขี่มาก็ไม่ขับนะคะ ขับช่วงแรกๆ แล้วอยู่ๆ ก็ไม่อยากขับอีก นี่ก็พยายามบังคับตัวเองอยู่
ถ้าคนสอนแย่ เปลี่ยนครู หรือเปลี่ยนโรงเรียนได้ไหมคะ
หรือว่าอีกทางหนึ่ง ก็ไปฝึกในลานฝึกอะค่ะ ใช้รถคนอื่นได้
(แต่คนที่ขับไปให้เรา เขาจะมีกำหนดอายุ และกำหนดว่าต้องมีใบขับขี่นานเท่าไหร่แล้ว เราจำแบบเป๊ะๆ ไม่ได้อะค่ะ ลองหาข้อมูลดูอีกที)
เสียเป็นชั่วโมง เราจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ไม่แพงมาก น่าจะ 8-9 ยูโร หรือ 10 ยูโรต้นๆ นี่แหล่ะค่ะ ลองหาข้อมูลดูค่ะ เผื่อมีใกล้บ้าน
ขอให้ได้ใบขับขี่เร็วๆ นะคะ เอาใจช่วยที่สุดเลยค่ะ
December 28, 2018 at 9:29 pm
ขอบคุณมากนะค่ะ ที่เป็นกำลังใจ ใช่คะขับรถนี่เป็นอะไรที่แย่และเครียดที่สุดจริงๆคะ พูดไห้ไครกับเขาก้อไม่เข้าใจ สามีก้อว่าเราไม่เก่งเองจะไปโทษครูไม่ได้ ไห้ทนเอา เราถามครูว่าคุณมีอะไรที่จะสอนและแนะนำฉันไห้เป็นเร็วได้มั้ย ครูตอบว่า สมองคนไม่เท่ากัน เรียนช้าเร็วไม่เท่ากัน นั่นคือคำตอบ เราก้อคิดว่าเขาบอกว่าสมองเราน้อยนั่นเอง 555. เรื่องสนามฝึกลองหาแล้วแถวบ้านไม่มี แล้วไม่มีใครกล้าเสี่ยงไปสอนนอก กลัวเกิดพลาดอุบัติเหตุขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่ ก้อเลยต้องทนเอา คิดไห้กำลังใจตัวเองว่า คนอื่นเขายังทำได้ ทุกคนก้อเจอกดดันเหมือนกัน เขาก้อคงผ่านความลำบากมากว่าจะได้มันมา เราก้อต้องอดทน และพยายามมีสติ ไห้มาก .แต่อย่างว่าพอไปขับจริงจริง ก้อเจอปัญหาไหม่ตลอด อาทิตย์ที่แล้วไปขับมาหลังจากรอสองอาทิตย์ ขับเหมือนไม่เคยหัดมาก่อนเลย แถมครูหลอกไห้ขับตรงไปในทางที่ไห้เข้าเฉพาะรถส่งของ โดยครูด่าว่าทำไมไม่ดูป้าย ขับเข้าไปทำไม จะมาฟังแต่ฉันไม่ได้ต้องหัดดูเอง เราน้ำตาซึมเลย จ้างครูมาเอาเงินจากเราแท้แท้ พูดไห้ไครฟังเขาก้อหาว่าเราไม่ดูเองแล้วไปโทษครู ครูเราตลอดชั่วโมงบอกแต่ขับตรงไป เลี้ยวซ้าย หรือขวา แค่นั้น ถ้าเราอยากรู้อะไรก้อถามเอง เรื่องวิธีจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง และการฝึกเลี้ยวเราก้อดูในยูทูปเอาเอง ก้อพยายามจะไม่กินเลน ขับรถต้องหูตาไว และมีสติจริงจริง ถึงจะเป็น และทุกอย่างต้องไห้ถูกกฏแปะแปะ ใบขับขี่จำเป็นกับเรามาก ทุกวันนี้ก้อต้องอาศัยคนอื่นไปทำงาน จ่ายค่าอาศัยรถเขาพอพอกับมีรถแล้วต้องเติมน้ำมันเลย .พรุ่งนี้จะไปขับอีกเจออะไรอีกบ้างจะมาเล่าไห้ฟังนะค่ะ ยังไงก้อขอบคุณมากนะค่ะ เป็นกำลังใจให้เช่นกันคะไห้ขับรถเก่งเร็วเร็ว